Top 5 หม้อต้มกาแฟ ยอดนิยม
BIALETTI
ชง Espresso ได้ถึง 3 ถ้วย พร้อมด้ามจับกันความร้อนจากซิลิโคน
คุณกอล์ฟเป็นบาริสต้าและเจ้าของร้านกาแฟ Stay Coffee ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2018 จากจุดเริ่มต้นที่ทำงานประจำและเริ่มรู้สึกอิ่มตัว คุณกอล์ฟจึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางชีวิต ด้วยการหันมาเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องกาแฟอย่างจริงจัง ทั้งการลองผิดลองถูก ศึกษาค้นคว้า และลงมือทำด้วยตัวเองเป็นเวลาหลายปี จนเปิดร้านกาแฟของตัวเองได้สำเร็จ โดย Stay Coffee มีจุดเด่นในการคัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพจากหลากหลายแหล่ง ทั้งกาแฟไทย กาแฟต่างประเทศ และกาแฟเกรดพิเศษ หมุนเวียนให้เลือกตลอดในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ คุณกอล์ฟยังชื่นชอบการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยการไปเยือนร้านกาแฟต่าง ๆ เพื่อชิม เรียนรู้ และนำแนวคิดดี ๆ มาปรับใช้ในการพัฒนาร้านตัวเอง รวมถึงมีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้คนในวงการกาแฟอยู่เสมอ เพราะเชื่อว่ากาแฟที่ดีไม่ใช่แค่รสชาติที่กลมกล่อม แต่ต้องมอบความสุขและประสบการณ์ที่น่าจดจำในทุกแก้วที่เสิร์ฟด้วยใจ
คุณพีทเป็นเจ้าของ Blackkat Café ร้านที่โดดเด่นด้านเครื่องดื่มและเบเกอรี่ โดยให้ความสำคัญกับวัตถุดิบคุณภาพและการสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ที่ผสมผสานรสชาติได้อย่างลงตัว ด้วยความหลงใหลในอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม ทำให้คุณพีทใส่ใจตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ กระบวนการทำ ไปจนถึงการตกแต่งเมนูให้มีเอกลักษณ์ และพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยเนชั่น ยังส่งเสริมให้คุณพีทเข้าใจศาสตร์ของอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้ลูกค้า ตั้งแต่การพัฒนาเมนูตามฤดูกาล การอบเบเกอรี่สดใหม่ ไปจนถึงการจับคู่เครื่องดื่มกับขนมให้อร่อยลงตัว โดยนอกจากบริหารร้าน คุณพีทยังติดตามเทรนด์อาหาร ทดลองวัตถุดิบใหม่ ๆ และแบ่งปันความรู้ผ่านบทความด้านอาหาร เบเกอรี่ และการพัฒนาเมนูต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถนำไปต่อยอดได้อีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
เมื่อทำความรู้จักกับหม้อต้มกาแฟกันไปอย่างคร่าว ๆ แล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าควรจะเลือกหม้อต้มกาแฟแบบไหน ให้เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของคุณดี ซึ่งจะมีรายละเอียดอะไรที่น่าสนใจบ้าง เรามาติดตามไปพร้อมกันเลย
ขนาดของหม้อต้มกาแฟก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรคำนึงถึง โดยถ้าหากคุณชงดื่มในสัดส่วนของ 1 - 2 คน อาจเลือกหม้อต้มกาแฟที่มีขนาดเล็กหรือมีความจุปริมาณ 100 - 150 มล. หรือหากใช้หน่วยเป็นแก้ว ควรเลือกอยู่ที่ 1 - 3 แก้ว ซึ่งหม้อขนาดเล็กนั้นมีข้อดีคือ ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา สะดวกต่อการจัดเก็บและขนย้าย
แต่หากคุณต้องการชงดื่มในสัดส่วนที่มากกว่า 2 คน หรือต้องการหาหม้อต้มกาแฟสำหรับใช้ในบ้านหรือสำนักงาน อาจเลือกหม้อต้มกาแฟที่มีขนาดใหญ่หรือมีความจุปริมาณ 300 - 450 มล. หรือ 6 - 9 แก้ว เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยหม้อขนาดใหญ่อาจมีข้อด้อยตรงที่ไม่สามารถพกพาได้สะดวกมากนัก และอาจจัดเก็บยากไปสักหน่อยหากบ้านของคุณมีพื้นที่จำกัด
สาเหตุที่เราต้องเลือกขนาดของหม้อต้มให้เหมาะสมกับปริมาณการชงดื่มนั้น นอกจากจะไม่สิ้นเปลืองกาแฟที่ใช้ชงดื่มแล้ว ยังช่วยในเรื่องการบริหารจัดการที่ง่ายด้วย การทำกาแฟควรชงเมื่อพร้อมดื่ม ไม่ทิ้งกาแฟที่ต้มไว้นานจนเกินไปและต้องเลือกให้สัมพันธ์กับจำนวนคนที่ดื่มด้วย การใช้งานหลักจึงจำเป็นต้องเลือกขนาดหม้อต้มกาแฟให้สัมพันธ์กัน ในส่วนเรื่องของการพกพานั้น หม้อต้มกาแฟที่มีขนาดเล็กย่อมพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกสบายและง่ายกว่าครับ
ในปัจจุบัน ผู้ผลิตนิยมผลิตหม้อต้มกาแฟจากวัสดุ 2 ชนิด นั่นคือ อะลูมิเนียมและสเตนเลส สำหรับอะลูมิเนียมนั้นจะมีราคาที่ย่อมเยากว่า แต่จะไม่ค่อยทนทานเท่าหม้อต้มกาแฟสเตนเลส อีกทั้งหากดูแลรักษาไม่ดี ก็อาจขึ้นสนิมได้ ทำให้อายุการใช้งานสั้นกว่า
แต่หากงบประมาณไม่ใช่ปัญหา เราขอแนะนำให้เลือกหม้อกาแฟสเตนเลส เนื่องจากมีน้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน อีกยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถนำความร้อนและกักเก็บความร้อนได้ดี ช่วยให้กาแฟของคุณร้อนได้นาน และที่สำคัญ ยังทำความสะอาดง่าย ทนทานต่อการกัดกร่อนอีกด้วย
การตัดสินใจเลือกหม้อต้มกาแฟที่ผลิตจากสแตนเลสที่มีน้ำหนักเบาจะสามารถใช้งานกับเตาได้หลากหลายกว่าหม้อต้มกาแฟที่เป็นอะลูมิเนียม แม้อาจจะทำให้เราต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับหม้อต้มกาแฟที่ทำจากอะลูมิเนียมที่มีราคาไม่สูงมาก แต่อายุการใช้งานที่ต่ำจึงมีข้อจำกัดในการใช้งาน จึงอาจทำให้สิ้นเปลืองในเรื่องของการเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยมากกว่าหม้อต้มกาแฟแบบที่เป็นสเตนเลส เมื่อเปรียบเทียบกันจริง ๆ จะเห็นได้ว่าแท้จริงแล้ว การเลือกหม้อต้มกาแฟที่ผลิตจากสเตนเลสนั้น คุ้มค่ากว่าการลงทุนซื้อหม้อกาแฟแบบอะลูมิเนียมเสียอีกครับ
หม้อต้มกาแฟแต่ละประเภทก็ให้รสชาติกาแฟที่แตกต่างกันออกไป เช่น หม้อต้มกาแฟ Moka Pot ที่เหมาะสำหรับใครที่ชอบดื่มกาแฟเข้มข้นแบบดั้งเดิม และหม้อต้มกาแฟแบบ French Press ที่ช่วยให้คุณดื่มด่ำกลิ่นหอมกรุ่นจากกาแฟได้ ซึ่งแต่ละแบบนั้นจะมีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบ
หากพูดถึงหม้อต้มกาแฟแล้ว คงไม่พูดถึงหม้อต้มกาแฟยอดฮิตจากอิตาลีอย่าง Moka Pot ไปไม่ได้เลย โดยหม้อต้มแบบนี้มีหลักการทำงานคือ การต้มน้ำด้านล่างให้เดือดจนเกิดแรงดัน น้ำร้อนจะไหลผ่านผงกาแฟและสกัดตัวออกมาเป็นกาแฟ Espresso รสชาติเข้มข้น ซึ่งที่ได้จาก Moka Pot จะไม่มีฟองเหมือนกับที่ได้จากเครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่ แต่คุณจะยังสามารถดื่มด่ำกับความเข้มข้นที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานได้กับเตาหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้า แถมยังมีหลายขนาดให้เลือกตั้ง 2 ถ้วยถึง 9 ถ้วยเลย
ตรวจสอบวิธีการเลือกแบบละเอียดสำหรับ Moka Pot ตามลิงก์ด้านล่าง !
หม้อต้มกาแฟสไตล์ Moka Pot เป็นหม้อต้มกาแฟแบบดั้งเดิมของคนอิตาลี รสชาติกาแฟที่ผ่านแรงดันนั้นจะทำให้กาแฟมีรสชาติเข้มข้น หอมกรุ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถูกใจคอกาแฟที่นิยมความเข้ม ปัจจุบัน หม้อต้มกาแฟ Moka Pot เป็นที่นิยมแพร่หลายของกลุ่มคนรักการดื่มกาแฟ จะเห็นได้ว่ามีการนำหม้อต้มประเภทนี้มาใช้งานทั้งกับคนที่เปิดร้านขายกาแฟหม้อต้มหรือการพกพายามไปเที่ยว เราจึงจะเห็นหม้อต้มกาแฟ Moka Pot หลากหลายแบรนด์หลากหลายรุ่นออกมาให้เลือก ก่อนตัดสินใจซื้อ แนะนำว่าให้เลือกอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ วัสดุมีความทนทาน และอย่าลืมตรวจสอบวัตถุประสงค์ของการใช้งานเป็นสำคัญก่อนตัดสินใจนะครับ
การชงกาแฟแบบ French Press เป็นการทำกาแฟในรูปแบบที่ต้องใช้การแช่กาแฟบดแล้วสกัดน้ำกาแฟออกมาอย่างสม่ำเสมอแทนที่การปล่อยให้น้ำไหลผ่านกาแฟบดแบบวิธีอื่นแล้วจึงกรองเศษกากกาแฟออก ด้วยวิธีการแบบนี้จะทำให้เราดื่มดำถึงรสและกลิ่นได้อย่างเต็มที่ หม้อต้มกาแฟแบบ French Press นี้สามารถพกพาไปด้วยได้สะดวกสบาย แต่ปัญหาที่น่ากังวลใจและข้อเสียสำคัญเลยคือ เป็นกาแฟที่จำเป็นต้องใช้น้ำร้อนครับ
ไม่ต้องเสียเวลาจุดเตาให้ยุ่งยาก หากคุณมีหม้อต้มกาแฟไฟฟ้า ที่เพียงแค่เสียบปลั๊กก็สามารถใช้งานได้ทันที โดยหม้อต้มกาแฟประเภทนี้จะมีฐานรองสำหรับเชื่อมต่อไฟ มาพร้อมไฟแจ้งเตือนสถานะการทำงานให้เห็น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพกพาไปใช้งานนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นตั้งแคมป์ ออกทริปท่องเที่ยว หรือถ้าหากต้องการใช้งานในบ้านหรือออฟฟิศ ก็ทำได้เช่นกันค อย่างไรก็ตาม ยังคงมีข้อเสีย เพราะถ้าหากไม่มีปลั๊กไฟก็ไม่สามารถนำไปต้มกับเตาเพื่อต้มกาแฟได้
การเลือกหม้อต้มกาแฟไฟฟ้านั้น จะช่วยให้เราสบายใจ ไม่ต้องยุ่งยากกับการต้องติดเตา ก่อฟืน หรือหาแก๊สมาชงกาแฟให้มันยุ่งยาก อีกทั้งช่วยประหยัดเวลาได้มากกว่าการเลือกหม้อต้มกาแฟไฟฟ้า ควรมองหาหรือเลือกแบบที่ได้คุณภาพมาตรฐาน ไว้วางใจได้ หากเราเลือกใช้หม้อต้มกาแฟที่ไม่ได้มาตรฐานคุณภาพแล้ว นอกจากจะเสี่ยงต่อการเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อย ๆ แล้ว อาจยังต้องเสี่ยงกับอันตรายที่เกิดจากอุปกรณ์ที่คุณภาพต่ำอีกด้วย
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | BIALETTI หม้อต้มกาแฟ Moka Pot รุ่น Brikka | ![]() | สร้างแรงดันได้มากกว่าเดิม 2 เท่าด้วยหม้อต้มกาแฟ Brikka | |
2 | TIMEMORE หม้อต้มกาแฟ รุ่น U French Press | ![]() | ดีไซน์ใหม่หรูหราทันสมัย ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย พกพาสะดวก | |
3 | BIALETTI หม้อต้มกาแฟ Moka Pot รุ่น โมคาเอ็กซ์เพรส | ![]() | ชง Espresso ได้ถึง 3 ถ้วย พร้อมด้ามจับกันความร้อนจากซิลิโคน | |
4 | Ariete หม้อต้มกาแฟ Moka Pot รุ่น 1358 | ![]() | ดีไซน์มินิมอลสวยงาม น้ำหนักเบา มีฟังก์ชันปิดเครื่องอัตโนมัติ | |
5 | BIALETTI หม้อต้มกาแฟ Moka Pot รุ่นวีนัส | ![]() | ผลิตจากสเตนเลสคุณภาพสูง ทนทาน ใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้ | |
6 | By Scanproducts หม้อต้มกาแฟ Moka Pot ขนาด 6 ถ้วย | ![]() | หม้อต้มกาแฟไฟฟ้า มีไฟแสดงสถานะการทำงาน ใช้งานง่าย | |
7 | Alechaung French Press | ![]() | แก้วโบโรซิลิเกต ทนความร้อนได้ถึง 100 องศาเซลเซียส | |
8 | By Scanproducts หม้อต้มกาแฟ Moka Pot จำนวน 3 ถ้วย | ![]() | ต้มกาแฟสดสไตล์ Espresso เข้มข้นถึงใจ ชงได้มากถึง 3 แก้ว | |
9 | LZA หม้อต้มกาแฟ Moka Pot | ![]() | หม้อต้มกาแฟราคาประหยัด ดีไซน์สวย ด้ามจับทนความร้อน | |
10 | Alechaung หม้อต้มกาแฟ Moka Pot | ![]() | หม้อต้มผลิตจากอะลูมิเนียมเกรดอาหาร ใช้งานได้อย่างปลอดภัย |
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมาพร้อมกับ Inspection Valve ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ ที่ทำความสะอาดง่ายและใช้งานได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ได้ทั้งกับเตาแก๊สและเตาไฟฟ้า จากความคิดเห็นผู้ใช้จริงกล่าวว่าชงกาแฟได้ครีม่าเยอะและอยู่ได้นาน แต่ควรปิดหม้อให้แน่นก่อนต้มเพื่อป้องกันการกระฉอกค่ะ
หากคุณไม่ชอบรูปลักษณ์ของหม้อต้มกาแฟแบบเดิม ๆ ที่มีขนาดใหญ่ จัดเก็บยาก วันนี้เราก็มีหม้อต้มกาแฟแบบ French Press จาก TIMEMORE มาแนะนำกัน โดยจุดเด่นของหม้อต้มกาแฟรุ่นนี้อยู่ที่ดีไซน์ทรงกระบอก มีน้ำหนักเบาและแข็งแรงทนทานไม่แพ้กับหม้อต้มกาแฟขนาดใหญ่ อีกทั้งวัสดุด้านในหม้อยังทำด้วย Borosilicate Glass ซึ่งมีคุณสมบัติในการเก็บความร้อนได้อย่างดี ตั้งแต่ -30 ไปจนถึง 200 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังผลิตจากวัสดุที่ทำความสะอาดง่ายและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ตัวกระบอกมีสเกลบอกปริมาตรน้ำที่ 300 และ 450 มล. ตัวปากกระบอกเป็นรูปตัว V ทำให้เทได้ง่าย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคอกาแฟที่ชอบออกไปทำกิจกรรม Outdoor เช่น ตั้งแคมป์หรือปิกนิกค่ะ
สำหรับใครที่เป็นคอกาแฟที่รักการดื่มกาแฟรสชาติเข้มข้นแบบ Espresso ดั้งเดิม เราขอแนะนำหม้อต้มกาแฟ Bialetti รุ่น โมคาเอ็กซ์เพรส รุ่นนี้ ที่สามารถชงกาแฟได้ปริมาณ 3 แก้วในครั้งเดียว ตัววัสดุที่ใช้ผลิตนั้นทำจากอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน และมีคุณสมบัตินำความร้อนได้ดี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต้มกาแฟให้ดียิ่งขึ้น กาแฟที่ได้จึงมีกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟแท้ ๆ และมีรสชาติเข้มถูกใจ
ตัวด้ามจับของหม้อต้มกาแฟนั้นยังทำจากซิลิโคน ซึ่งช่วยป้องกันความร้อนเมื่อใช้งานได้ดี โดยสามารถใช้ร่วมกับเตาแก๊สและเตาไฟฟ้า หรือใครที่ต้องการนำไปใช้งานนอกสถานที่ก็ทำได้เช่นกัน จากเสียงรีวิวแล้วกล่าวว่าสกัดกาแฟออกมาได้ดี แต่ก้นหม้ออาจเป็นรอยง่ายไปหน่อยค่ะ
หม้อต้มกาแฟ Ariete รุ่นนี้มีดีไซน์มินิมอลสวยงาม เข้าได้กับห้องครัวทุกรูปแบบ ทั้งยังอำนวยความสะดวกในการชงกาแฟได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นหม้อต้มกาแฟไฟฟ้า จึงไม่ต้องง้อเตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้าให้วุ่นวาย เพียงแค่เสียบปลั๊กก็สามารถใช้งานได้ทันที และยังมีฟังก์ชันปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อต้มเสร็จ จึงช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี ในส่วนของปริมาณความจุของหม้อต้มอยู่ที่ 2 - 4 ถ้วย ตัวฐานสามารถหมุนได้รอบ 360 องศา
ขนาดของตัวเครื่องยังเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 0.76 กก. สามารถเคลื่อนย้ายสะดวก ไม่ว่าจะใช้งานที่บ้าน ที่ทำงาน หรือพกพาออกไปตั้งแคมป์ก็ทำได้ จากรีวิวกล่าวว่าสะดวกกว่าซื้อหม้อต้มแบบ Moka Pot ที่ต้องควบคุมไฟเอง เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหัดชงกาแฟค่ะ
สิ่งที่หม้อต้มไฟฟ้า BIALETTI รุ่นนี้มีจุดเด่นไม่เหมือนรุ่นอื่น นั่นก็คือตัวหม้อต้มสามารถใช้งานร่วมกับได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งเตาแม่เหล็กไฟฟ้า ช่วยให้คุณใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ทั้งยังดีไซน์รูปลักษณ์หม้อต้มมาให้ดูทันสมัยสวยงาม เลือกใช้วัสดุในการผลิตเป็นสเตนเลส ที่ใช้งานได้ยาวนานและยังมีส่วนผสมของโครเมียมซึ่งทำให้ไม่เป็นสนิมง่ายอีกด้วย ปริมาณความจุอยู่ที่ 4 และ 6 ถ้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ทางแบรนด์ยังได้เพิ่มความหนาของหม้อส่วนล่างมากถึง 20% และออกแบบด้ามจับให้ป้องกันการลื่นและป้องกันความร้อนได้ดี ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน หลายคนชื่นชอบที่ใช้ชงได้ทั้งที่บ้าน ออฟฟิศ ไปจนถึงออกไปทำกิจกรรมนอกสถานที่ แถมยังล้างง่ายด้วยค่ะ
ใครที่ชอบความสะดวกสบาย เราขอแนะนำหม้อต้มกาแฟไฟฟ้ารุ่นนี้จาก By Scanproducts ที่เพียงแค่เสียบปลั๊กคุณก็สามารถชงกาแฟแก้วโปรดได้ง่าย ๆ โดยมีปริมาณความจุมากถึง 6 ถ้วยด้วยกัน ที่ตัวเครื่องมีไฟแสดงสถานะการทำงาน เมื่อเปิดใช้งานจะมีไฟสีแดงสว่างขึ้น ในส่วนของหม้อต้มกาแฟนั้นผลิตจากอะลูมิเนียมคุณภาพ ล้างทำความสะอาดง่าย แข็งแรงทนทาน
สายไฟที่มาพร้อมกับเครื่องนั้นมีความยาวพอเหมาะอยู่ที่ 70 ซม. ซึ่งช่วยให้คุณใช้งานในสถานที่ต่าง ๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะในบ้านหรือที่ทำงานก็สะดวก จากเสียงรีวิวชื่นชอบที่ใช้ชงกาแฟแล้วมีกลิ่นหอม ได้รสชาติดั้งเดิมของกาแฟ แถมยังทำงานเสียงเงียบอีกด้วยค่ะ
หม้อต้มกาแฟ Espresso สุดพรีเมียมรุ่นนี้ ออกแบบมาให้พื้นผิวอะลูมิเนียมด้านในหม้อมีผิวเรียบ กระจายความร้อนได้ดี และยังทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นคราบเกาะติดหรือมีกลิ่นตกค้างหลังจากการใช้งาน ในส่วนของด้ามจับหม้อ ทางแบรนด์ก็คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นพิเศษจึงได้เลือกใช้ไนลอนแทนวัสดุนำความร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนจากหม้อลวกมือ โดยคุณสามารถใช้ร่วมกับเตาได้แทบทุกประเภท เช่น เตาแก๊ส เตาถ่าน
จากเสียงรีวิวกล่าวว่าใช้ชงกาแฟได้กลิ่นหอมชัดเจน แต่ไม่แนะนำให้ใช้กับเตาแก๊ส เพราะอาจทำให้มือจับละลายได้ นอกจากนี้ หม้อต้มกาแฟรุ่นนี้ยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเตาอินดักชันได้ คนที่ต้องการใช้อาจต้องเลือกใช้หม้อต้มรุ่นอื่นหรือหม้อต้มไฟฟ้าแทนเพื่อความสะดวกค่ะ
จุดเด่นของหม้อต้มกาแฟรุ่นนี้ นอกจากจะมีดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย เลือกใช้สีดำดูคลาสสิกและหรูหราแล้ว ยังมาพร้อมกับระบบวาล์วที่มีแรงดันมากขึ้น ทำให้สามารถชงกาแฟได้เข้มข้นและกลิ่นหอมอร่อย สามารถทำได้ทั้งเมนูกาแฟร้อนและเย็น ด้ามจับของหม้อต้มทำจากเนื้อไม้ไบโอนิคที่แข็งแรงทนทาน ช่วยป้องกันความร้อนจากหม้อต้มลวกมือขณะเทได้เป็นอย่างดี โดยมี 2 ขนาดให้เลือกใช้งานด้วยกันคือ 3 ถ้วยและ 6 ถ้วย
ด้วยขนาดที่กะทัดรัดนี่เอง ทำให้สามารถพกพาได้สะดวก จัดเก็บง่าย ไม่กินพื้นที่ คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัดก็สามารถเลือกใช้งานได้ รีวิวของชาวเน็ตหลายคนให้ความเห็นว่าดีไซน์สวย คุณภาพคุ้มค่ากับราคา แนะนำให้ใส่ผงกาแฟที่บดละเอียดเพื่อให้ครีม่ามีความสวยงามยิ่งขึ้นค่ะ
หม้อต้มกาแฟราคาสบายกระเป๋ารุ่นนี้ มีขนาดใช้งานให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 2 ถ้วย หรือ 100 มล. ไปจนถึง 9 ถ้วยหรือ 450 มล. คุณจึงสามารถเลือกขนาดที่เหมาะกับการใช้งานได้ตามต้องการ ตัวหม้อต้มกาแฟนั้นผลิตจากอะลูมิเนียมคุณภาพดีที่ขึ้นชื่อเรื่องการนำความร้อนและความแข็งแรงทนทาน มีวาล์วแรงดันที่จะช่วยขับแรงดันส่วนเกินออกมาจากหม้อโดยอัตโนมัติ ตาข่ายกรองสามารถกรองเศษกาแฟที่ละเอียดได้เป็นอย่างดี
ทำให้กาแฟที่ได้มีความเข้มข้นและหอมกรุ่นถูกใจ สามารถชงเป็นกาแฟร้อนหรือเย็น รวมถึงเติมนม น้ำตาลหรือส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความอร่อยได้ ซึ่งจากความคิดเห็นของชาวเน็ตกล่าวว่าใช้งานดี น้ำหนักเบา แต่ตัวหม้อบางกว่ารุ่นอื่น ๆ และไม่แนะนำให้อัดกาแฟแน่นจนเกินไปค่ะ
สำหรับคอกาแฟมือใหม่ที่อยากจะเริ่มทำกาแฟกินเองที่บ้านและอยากซื้อหม้อต้มมาใช้งาน ในวันนี้ เราจึงมีคำแนะนำและคำตอบเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกัน
ด้วยคุณสมบัติและลักษณะเฉพาะตัวของกาแฟที่ได้จากหม้อต้มกาแฟ คือกาแฟจะมีความเข้มข้นในแบบเฉพาะตัวจากแรงดันในหม้อ นอกจากรสชาติแล้ว หม้อต้มกาแฟยังเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มคนที่ชอบการแคมป์ปิ้ง เนื่องจากขนาดกระทัดรัดของตัวหม้อ พกพาไปได้ด้วยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าก็ได้ ทำให้ได้รับนิยมและแพร่หลายมากขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงร้านกาแฟแนวหม้อต้มก็มีเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยเพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะมากและลงทุนไม่สูงก็สามารถเปิดร้านกาแฟที่เป็นลักษณะหม้อต้มได้แล้วครับ
หลาย ๆ คนได้อุปกรณ์หม้อต้มกาแฟมา แต่ศึกษาข้อมูลของอุปกรณ์ได้ไม่ดีพอ รวมถึงขาดความเข้าใจในลักษณะและประเภทของเมล็ดกาแฟที่ตนเองนำมาใช้ ก็ย่อมก่อให้เกิดเป็นปัญหาเวลาชงดื่มออกมาแล้ว กาแฟที่ทำออกมาไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง รสชาติออกมาไม่ถูกใจ แต่หากเรามีการศึกษาเรื่องอุปกรณ์และทำความเข้าใจกับลักษณะอุปกรณ์และชนิดกาแฟที่จะใช้ให้ถ่องแท้ แล้วหมั่นฝึกฝนและคอยปรับปรุงแก้ไขจุดที่เป็นข้อบกพร่องได้ ก็จะทำให้เราสามารถชงกาแฟออกมาได้อร่อยถูกใจในที่สุดครับ
การเปรียบเทียบรสชาติว่าแบบไหนดีกว่ากันระหว่างหม้อต้มกาแฟไฟฟ้ากับหม้อต้มแบบต้มมือนั้นอาจจะตัดสินได้ยากสักหน่อย เนื่องด้วยรสนิยมและความชอบของผู้ดื่มแต่ละคนแตกต่างกัน อีกทั้งวัตถุประสงค์ของหม้อต้มกาแฟที่ทำมาก็แตกต่างกันอีก ทำให้การเลือกที่จะเป็นเจ้าของหม้อต้มกาแฟแบบไหน จะต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของการนำมาใช้ก่อน ในส่วนของรสชาติอาจจะมีความเข้มหอมแตกต่างกัน ซึ่งจะชอบหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ดื่มล้วน ๆ เลยครับ
อันดับที่ 1: BIALETTI|หม้อต้มกาแฟ Moka Pot รุ่น Brikka
อันดับที่ 2: TIMEMORE|หม้อต้มกาแฟ รุ่น U French Press
อันดับที่ 3: BIALETTI |หม้อต้มกาแฟ Moka Pot รุ่น โมคาเอ็กซ์เพรส
อันดับที่ 4: Ariete|หม้อต้มกาแฟ Moka Pot รุ่น 1358
อันดับที่ 5: BIALETTI |หม้อต้มกาแฟ Moka Pot รุ่นวีนัส
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ