โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนที่ควบคุมอาหาร เพราะรับประทานง่าย ไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งมาก ทั้งยังเป็นได้ทั้งอาหารเช้าและของว่าง ซึ่งในปัจจุบันก็มีโยเกิร์ตจากแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ วางจำหน่ายอยู่มากมาย โดยมีให้เลือกตั้งแต่โยเกิร์ตรสธรรมชาติ โยเกิร์ตแบบเติมรสชาติ ไปจนถึงโยเกิร์ตที่ผลิตจากพืชอย่างอัลมอนด์หรือถั่วเหลือง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่แพ้แลคโตสในนมวัวอีกด้วย
บทความนี้เรามีวิธีการเลือกโยเกิร์ต เพื่อให้เหมาะสมกับผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม และยังมี 10 โยเกิร์ต จากยี่ห้อยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติ โยเกิร์ตไม่เติมน้ำตาล หรือกรีกโยเกิร์ต ซึ่งมีทั้งชนิดคงตัว ชนิดกวน และชนิดพร้อมดื่มมาแนะนำเพิ่มเติมด้วย
Top 5 โยเกิร์ต ยอดนิยม
meiji
รสกลมกล่อม ปราศจากไขมัน น้ำตาลต่ำ ให้พลังงานเพียง 60 kcal
DUTCHIE
กรีกโยเกิร์ตเนื้อเนียน เข้มข้น ทานง่าย มาพร้อมกราโนล่าธัญพืช
meiji
ดื่มได้ทุกที่ทุกเวลา ได้เนื้อสัมผัสของเบอร์รี่แท้ รสหวานเปรี้ยวลงตัว
คุณพีทเป็นเจ้าของ Blackkat Café ร้านที่โดดเด่นด้านเครื่องดื่มและเบเกอรี่ โดยให้ความสำคัญกับวัตถุดิบคุณภาพและการสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ที่ผสมผสานรสชาติได้อย่างลงตัว ด้วยความหลงใหลในอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม ทำให้คุณพีทใส่ใจตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ กระบวนการทำ ไปจนถึงการตกแต่งเมนูให้มีเอกลักษณ์ และพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยเนชั่น ยังส่งเสริมให้คุณพีทเข้าใจศาสตร์ของอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้ลูกค้า ตั้งแต่การพัฒนาเมนูตามฤดูกาล การอบเบเกอรี่สดใหม่ ไปจนถึงการจับคู่เครื่องดื่มกับขนมให้อร่อยลงตัว โดยนอกจากบริหารร้าน คุณพีทยังติดตามเทรนด์อาหาร ทดลองวัตถุดิบใหม่ ๆ และแบ่งปันความรู้ผ่านบทความด้านอาหาร เบเกอรี่ และการพัฒนาเมนูต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถนำไปต่อยอดได้อีกด้วย
สารบัญ
โยเกิร์ต คือ ผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากการหมักเชื้อแบคทีเรียกลุ่มกรดแลคติกอย่าง Streptococcus Thermophilus และ Lactobacillus Bulgaricus ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่นิยมนำมาใช้หมักโยเกิร์ตร่วมกัน แต่ก็มีโยเกิร์ตอีกหลายยี่ห้อที่เติมเชื้อแบคทีเรียชนิดโพรไบโอติกลงไปด้วย เช่น Bifidobacterium หรือ Lactobacillus Acidophilus เป็นต้น เพื่อเป็นการเพิ่มคุณประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ซึ่งเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้ต่างอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมายที่ทำให้เหล่าคนรักสุขภาพ รวมถึงผู้ที่กำลังควบคุมอาหารอยู่มักจะเลือกหยิบโยเกิร์ตมารับประทานกันอยู่เสมอ
โดยในปัจจุบัน ผู้ผลิตโยเกิร์ตแต่ละยี่ห้อต่างใช้กระบวนการผลิตและส่วนประกอบสำคัญที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ก่อนที่จะไปศึกษาวิธีการเลือกโยเกิร์ต เราจึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับคุณประโยชน์ดี ๆ ของโยเกิร์ตในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นข้อมูลให้คุณได้เลือกซื้อโยเกิร์ตที่ตรงตามความต้องการของตนเองมากที่สุดกันค่ะ
ส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ในโยเกิร์ตอย่าง "เชื้อแบคทีเรียกลุ่มกรดแลคติก" นั้นแบ่งออกได้เป็นหลายชนิดเลยค่ะ ซึ่งแต่ละชนิดล้วนให้คุณค่าทางสารอาหารที่แตกต่างกันไป เช่น แบคทีเรียชนิดดีอย่าง Bifidobacterium ซึ่งอยู่ในโยเกิร์ตยี่ห้อ THAI-DENMARK จะมีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพของผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลีย หรือ Lactobacillus Paracasei ในโยเกิร์ตยี่ห้อ Yolida ที่มาพร้อมคุณสมบัติในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เป็นต้น
ด้วยส่วนประกอบของเชื้อแบคทีเรียที่ดีต่อร่างกายอย่างเชื้อแบคทีเรียกลุ่มกรดแลคติกนี้ จึงทำให้โยเกิร์ตได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเสมอมา และหากคุณบริโภคอย่างต่อเนื่อง ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีต่อร่างกายทั้งภายในและภายนอกได้อย่างชัดเจนมเลยล่ะค่ะ
Bifidobacterium เป็นหนึ่งในเชื้อแบคทีเรียกลุ่มโพรไบโอติก ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับสมดุลในลำไส้ ทั้งยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างปกติ ลดอาการท้องผูกหรือท้องเสีย และที่สำคัญ เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ยังสามารถชะลอการดูดซึมคอเลสเตอรอลและไขมันได้อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่โดนใจสาว ๆ รวมถึงคนที่กำลังควบคุมอาหารอยู่ไม่น้อยเลยล่ะค่ะ
นอกจากนี้ โยเกิร์ตยังอุดมไปด้วยโปรตีนที่ช่วยให้ร่างกายอิ่มท้อง แถมบางยี่ห้อยังมาพร้อมสูตรน้ำตาล 0% และสูตรปริมาณแคลอรี่ต่ำ จึงเหมาะสำหรับใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักเป็นอย่างยิ่ง และหากรับประทานเป็นประจำทุกวันแล้วล่ะก็ หุ่นดี ๆ ไม่หนีไปไหนแน่นอนค่ะ
โยเกิร์ตแต่ละยี่ห้อมักจะมาพร้อมกระบวนการผลิต ส่วนประกอบ รวมถึงรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ดังนั้น เพื่อให้คุณเลือกซื้อโยเกิร์ตได้ถูกปากและตรงใจตนเองมากที่สุด จึงต้องพิจารณาจาก 3 ปัจจัย ดังต่อไปนี้ค่ะ
อย่างที่ทราบกันดีว่า โยเกิร์ตในท้องตลาดนั้นมีให้เลือกทั้งสูตรที่ไม่เติมน้ำตาล สูตรปรุงแต่งรสชาติ ไปจนถึงสูตรที่เติมผลไม้และธัญพืช ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร ควรระมัดระวังปริมาณน้ำตาลในโยเกิร์ตให้มากเป็นพิเศษ โดยเลือกจากสูตรของโยเกิร์ตที่เหมาะสม รวมทั้งตรวจสอบปริมาณน้ำตาลจากฉลากบนผลิตภัณฑ์ด้วยค่ะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาโยเกิร์ตไว้รับประทานในช่วงลดน้ำหนักอยู่ เราขอแนะนำให้เลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ สูตรไม่เติมน้ำตาลค่ะ เพราะในปริมาณ 100 กรัมของโยเกิร์ตสูตรนี้จะมีแคลอรี่อยู่ที่ 60 - 70 แคลอรี่ ซึ่งน้อยกว่าโยเกิร์ตรสธรรมชาติสูตรเติมน้ำตาลถึง 10 - 20 แคลอรี่เลยทีเดียวค่ะ
นอกจากนี้ โยเกิร์ตรสธรรมชาติที่เป็นสูตรไม่เติมน้ำตาลยังสามารถแบ่งออกเป็นอีก 2 ประเภท ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบหลักที่ใช้ ได้แก่ ประเภทที่ผลิตจากน้ำนมดิบล้วน ๆ และปราศจากส่วนผสมของไขมันนม กับประเภทที่มีส่วนผสมของน้ำนมดิบ นมผงพร่องมันเนยมและครีม แม้จะมีวัตถุดิบหลักแตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อปริมาณน้ำตาลและปริมาณแคลอรี่ในโยเกิร์ตแต่อย่างใด ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกรับประทานประเภทไหน ก็ส่งผลดีต่อผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างแน่นอนค่ะ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโยเกิร์ตจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับการลดน้ำหนัก แต่หากเลือกรับประทานแบบปรุงแต่งรสชาติหรือสูตรที่เติมน้ำตาล ก็จะทำให้คุณได้รับปริมาณแคลอรี่ที่สูงเกินไปได้ค่ะ ดังนั้น ขอแนะนำให้ตรวจสอบฉลากบนผลิตภัณฑ์ก่อนทุกครั้ง โดยเลือกแบบที่เขียนว่า "No Sugar" หรือ "Unsweetened" จะดีที่สุดค่ะ
สำหรับใครที่ต้องการควบคุมปริมาณแคลอรี่ในแต่ละวัน แต่ก็ไม่ถูกใจกับรสชาติของโยเกิร์ตรสธรรมชาติแบบไม่เติมน้ำตาลเท่าไรนัก อาจเลือกเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติ สูตรเติมน้ำตาลแทนก็ได้ค่ะ เพราะมีการเพิ่มความหวานที่ทำให้รสชาติของโยเกิร์ตกลมกล่อมขึ้น จึงรับประทานง่าย ทั้งยังสามารถหยิบมารับประทานเป็นของว่างได้อีกด้วย
ซึ่งในปริมาณ 100 กรัม ของโยเกิร์ตรสธรรมชาติจะมีน้ำตาลอยู่ประมาณ 12 กรัม ซึ่งปริมาณน้ำตาลที่เพิ่มเข้ามา ทำให้โยเกิร์ตสูตรนี้มีแคลอรี่อยู่ที่ 80 - 150 แคลอรี่ด้วยกัน ดังนั้น โยเกิร์ตรสธรรมชาติที่เป็นสูตรเติมน้ำตาลจึงอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจำกัดปริมาณน้ำตาลหรือควบคุมอาหารเท่าไรนัก เนื่องจากปริมาณน้ำตาลที่เหมาะสมควรจะต่ำกว่า 20 กรัมต่อวันนั่นเองค่ะ อย่างไรก็ตาม หากต้องการรับประทานจริง ๆ แนะนำให้คำนวณปริมาณในการรับประทานให้ถี่ถ้วนก่อนเสมอนะคะ
สำหรับใครที่ชอบรับประทานโยเกิร์ตเป็นของว่าง สามารถเลือกรับประทานโยเกิร์ตได้หลากหลายรสชาติเลยค่ะ เพราะในปัจจุบัน บรรดาผู้ผลิตต่างแข่งขันกันพัฒนารสชาติของโยเกิร์ตให้มีความหลากหลายเพื่อดึงดูดใจผู้บริโภคกันมากขึ้น โดยมีตั้งแต่รสชาติยอดฮิตอย่างบลูเบอร์รีหรือผลไม้รวม ไปจนถึงรสชาติแปลกใหม่อย่างรสแมคคาเดเมีย หรือรสพีชเลยทีเดียว ถือเป็นการช่วยให้คุณได้สนุกสนานไปกับการลิ้มลองโยเกิร์ตรสชาติใหม่ ๆ แถมยังเพิ่มโอกาสให้คุณได้ค้นพบกับโยเกิร์ตที่อร่อยถูกปากได้มากขึ้นอีกด้วยค่ะ
โยเกิร์ตที่มีวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันมักจะมาพร้อมขนาดบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย ดังนั้น คุณจึงควรเลือกซื้อโยเกิร์ตโดยคำนึงถึงขนาดบรรจุภัณฑ์ร่วมด้วย เพื่อให้คุณได้รับประทานโยเกิร์ตในปริมาณที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการ แถมยังสะดวกมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
หากคุณรับประทานโยเกิร์ตอยู่เป็นประจำทุกวัน ควรเลือกซื้อโยเกิร์ตแบบถ้วยไซซ์ใหญ่ที่มีปริมาณ 400 - 500 กรัมขึ้นไป เพราะเป็นไซซ์ที่จัดเต็มในเรื่องของปริมาณโยเกิร์ต แถมยังมาในราคาสุดคุ้ม กำแบงค์ร้อยไปแค่ใบเดียวก็เพียงพอแล้วค่ะ
อย่างไรก็ตาม ใครที่รับประทานโยเกิร์ตอยู่เป็นประจำอาจพบปัญหาที่ว่า โยเกิร์ตแบบถ้วยไซซ์ใหญ่มักจะเสียง่าย เพราะจะต้องรับประทานให้หมดภายใน 2 - 3 วัน หลังจากเปิดทาน และทุกครั้งที่รับประทานยังต้องแบ่งออกมาใส่ถ้วยอื่นต่างหากอีกด้วย จึงอาจทำให้เสียเวลาอยู่ไม่น้อย ดังนั้น อย่าลืมพิจารณาในจุดนี้กันด้วยนะคะ
สำหรับปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการบริโภคโยเกิร์ต ควรอยู่ที่ประมาณ 100 กรัมต่อวัน ดังนั้น หากคุณต้องการเลือกซื้อโยเกิร์ตแบบถ้วยไซซ์ใหญ่ 1 ถ้วย คุณก็สามารถแบ่งทานได้ 4 - 5 ครั้งเลยค่ะ
ไซซ์ยอดนิยมที่ทุกคนต้องเคยรับประทาน นั่นก็คือ โยเกิร์ตแบบถ้วยไซซ์เล็กค่ะ โดย 1 ถ้วย จะบรรจุปริมาณโยเกิร์ตได้ 100 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่อิ่มท้องกำลังดี แถมยังมาในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับคนที่ต้องการความสะดวกในการรับประทาน
ในด้านของราคา เมื่อเปรียบเทียบกับโยเกิร์ตแบบถ้วยไซซ์ใหญ่แล้ว โยเกิร์ตแบบถ้วยไซซ์เล็กจะค่อนข้างมีราคาสูง ไม่คุ้มค่ากับปริมาณที่ได้รับเท่าไรนัก แต่ก็โดดเด่นในแง่ของรสชาติที่มีความหลากหลายและบรรจุภัณฑ์ที่รับประทานง่าย ไม่ยุ่งยาก แถมยังไม่ต้องเสียเวลาตักแบ่งเหมือนกับแบบถ้วยไซซ์ใหญ่ นอกจากนี้ ขนาดของถ้วยยังไม่เปลืองเนื้อที่ในตู้เย็นของคุณอีกด้วยค่ะ
หากคุณต้องการโยเกิร์ตที่สามารถหยิบมาเปิดรับประทานได้ทุกที่ทุกเวลา ต้องยกให้ "โยเกิร์ตแบบพร้อมดื่ม" เลยค่ะ เพราะโดดเด่นที่บรรจุภัณฑ์ซึ่งมาในรูปแบบที่ทุกคนคุ้นเคย มีให้เลือกทั้งแบบกล่องและแบบขวด จะหยิบขึ้นมาดื่มที่ไหน เมื่อไรก็สะดวกค่ะ
โดยแต่เดิม โยเกิร์ตพร้อมดื่มนั้นเกิดขึ้นจากการนำโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาแปรรูปให้เป็นของเหลว คุณค่าทางโภชนาการและรสชาติของโยเกิร์ตพร้อมดื่มจึงไม่ได้แตกต่างไปจากโยเกิร์ตชนิดคงตัวเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตหลายรายก็ได้เพิ่มปริมาณน้ำตาล รวมถึงมีการปรุงแต่งรสชาติลงไปในโยเกิร์ตพร้อมดื่ม เพื่อให้ผู้บริโภคดื่มง่ายขึ้น ดังนั้น ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่อาจจะต้องระวังโยเกิร์ตประเภทนี้เป็นพิเศษค่ะ
กรีกโยเกิร์ตเป็นโยเกิร์ตอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพไม่น้อยเลยค่ะ เพราะเป็นโยเกิร์ตที่ได้จากการคั้นกรองเอาน้ำ น้ำตาลแล็กโทส (Lactose) และของเหลวอื่น ๆ ออกไป ทำให้ได้โยเกิร์ตที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้นและแน่นกว่าโยเกิร์ตประเภทอื่น
โดยกรีกโยเกิร์ตจะขึ้นชื่อในเรื่องของปริมาณน้ำตาลและโซเดียมที่ต่ำกว่าโยเกิร์ตทั่วไปในปริมาณแคลอรี่ที่เท่ากัน จึงเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลหรือคนที่เป็นความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ กรีกโยเกิร์ตยังอุดมไปด้วยโปรตีนสูง ทำให้อยู่ท้องนาน ช่วยลดอาการอยากอาหารได้ ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งโปรตีนที่เหมาะกับคนที่กำลังสร้างกล้ามเนื้อหรือคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำค่ะ
อย่างไรก็ตาม กรีกโยเกิร์ตที่เหมาะสมสำหรับคนรักสุขภาพที่สุด คือ กรีกโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่ผ่านการเติมน้ำตาลและสารเติมแต่งกลิ่นใด ๆ หากคุณรู้สึกว่า รสชาติของกรีกโยเกิร์ตยังไม่ถูกปากนัก แนะนำให้ลองเติมผลไม้สดอย่างกล้วย สตรอว์เบอร์รีหรือกีวี่ลงไป เพื่อเพิ่มรสชาติให้รับประทานง่ายมากขึ้นค่ะ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
1 | meiji โยเกิร์ต เมจิบัลแกเรีย ชนิดคงตัว สูตรไขมัน 0% | ![]() | รสกลมกล่อม ปราศจากไขมัน น้ำตาลต่ำ ให้พลังงานเพียง 60 kcal | |
2 | DUTCHIE โยเกิร์ต DUTCHIE กรีกสไตล์ สูตรผสมเวรี่เบอร์รี่ | ![]() | กรีกโยเกิร์ตเนื้อเนียน เข้มข้น ทานง่าย มาพร้อมกราโนล่าธัญพืช | |
3 | Yolida โยเกิร์ต โยลิดา รสธรรมชาติ | ![]() | โยเกิร์ตไขมันต่ำ อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีชีวิต วิตามินบี 2 สูง | |
4 | meiji โยเกิร์ต เมจิบัลแกเรีย ชนิดพร้อมดื่ม รสไวลด์เบอร์รี่ | ![]() | ดื่มได้ทุกที่ทุกเวลา ได้เนื้อสัมผัสของเบอร์รี่แท้ รสหวานเปรี้ยวลงตัว | |
5 | แดรี่โฮม โยเกิร์ต แดรี่โฮม ผสมบลูเบอร์รี | ![]() | นื้อเนียน ดีต่อระบบขับถ่าย ได้รสชาติเปรี้ยวหวานของบลูเบอร์รี่ | |
6 | Farmers Union โยเกิร์ต Farmers Union ไลท์โยเกิร์ต สไตล์กรีก | ![]() | ไขมันต่ำ ปราศจากคอเลสเตอรอล แบ่งรับประทานได้หลายครั้ง | |
7 | Caroline โยเกิร์ต Caroline สูตรปราศจากไขมัน ไม่เติมน้ำตาล | ![]() | สูตรไม่มีไขมันสำหรับคนรักสุขภาพ มีจุลินทรีย์ที่ดีต่อระบบลำไส้ | |
8 | THAI-DENMARK โยเกิร์ต THAI-DENMARK ผสมแยมสตรอว์เบอร์รี่ | ![]() | รสชาติหวานมัน หอมกลิ่นนมแท้ ๆ มีเนื้อสัมผัสของสตรอว์เบอร์รี่ | |
9 | RIVON โยเกิร์ต RIVON โยเกิร์ตถั่วเหลือง รสออริจินัล | ![]() | โยเกิร์ตจากนมถั่วเหลือง เพิ่มพรุนรสหอมหวาน เอาใจคนรักสุขภาพ | |
10 | Hooray ! โยเกิร์ต Hooray ! โยเกิร์ตอัลมอนด์ รสออริจินัล | ![]() | โยเกิร์ตจากพืช ปราศจากแลคโตสและเลซิทิน คนกินเจทานได้ |
เรียกได้ว่าเป็นโยเกิร์ตที่สูตรหนึ่งที่หลายคนเลือกรับประทานเลยก็ว่าได้ เพราะมีรสชาติกลมกล่อม ไม่หวานมากจนเกินไป อีกทั้งยังเป็นโยเกิร์ตชนิดคงตัว เนื้อเนียนแน่น สูตรปราศจากไขมันและไม่มีการปรุงแต่งสารแต่งกลิ่นเพิ่มเติม โดยทางแบรนด์ได้เลือกใช้น้ำนมโคขาดมันเนยมาผลิตโดยใช้จุลินทรีย์ LB81 จากบัลแกเรียที่ดีต่อระบบลำไส้ ทั้งยังอุดมไปด้วยโปรตีนและแคลเซียมสูง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีวิตามินบี 2 และน้ำตาลต่ำ โดยโยเกิร์ตสูตรนี้จะให้พลังงานเพียง 60 กิโลแคลอรีเท่านั้น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังมองหาของว่างไว้รับประทานตอนเย็น หรือคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักหรือดูแลสุขภาพก็เลือกรับประทานได้ จากรีวิวของคนที่รับประทานเป็นประจำชื่นชอบในรสชาติที่หวานน้อยกว่าสูตรธรรมดาทั่วไป มีความนวลและเนียน อมเปรี้ยวนิด ๆ เนื้อคล้ายพานาคอตต้าค่ะ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบรับประทานโยเกิร์ตที่ให้เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม และมีความเข้มข้น พร้อมมีรสสัมผัสจากผลไม้นานาชนิด กรีกโยเกิร์ตจาก DUTCHIE สูตรเวรี่เบอร์รี่ถ้วยนี้น่าจะตอบโจทย์คุณได้ดีค่ะ เพราะทางแบรนด์ได้ผสมเบอร์รี่ในน้ำเชื่อมเข้มข้นลงในโยเกิร์ตมากถึง 4 ชนิด ทั้งแบล็คเคอร์แรนต์. มัลเบอร์รี่, บลูเบอร์รี่ และเรดเคอแรนต์ ทำให้คุณได้รสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว
นอกจากนี้ ยังมีคุณประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนที่มากกว่าสูตรทั่วไปถึง 2 เท่า แคลเซียมหรือวิตามิน อีกทั้งยังมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมาพร้อมกับกราโนลาที่รวมเอาธัญพืชหลายชนิดไว้ให้ได้เคี้ยวเพลิน ๆ อีกด้วย หลายคนชื่นชอบเพราะเนื้อโยเกิร์ตมีความแน่นและเข้มข้น ตามแบบฉบับของกรีกโยเกิร์ต รสชาติหวานเปรี้ยวลงตัวพอดี แต่ใครที่ไม่ชอบรสหวานเลย อาจต้องลองหาตัวอื่นค่ะ
โยเกิร์ตจากนมโคพร่องมันเนยตัวนี้ เป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่หลายคนไว้วางใจเลือกซื้อ เพราะทางแบรนด์ได้เลือกใช้นมโคสด ผ่านกระบวนการสกัดแยกมันเนยออกจนได้น้ำนมโคที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลต่ำ แต่ยังคงคุณค่าทางสารอาหาร โดยอุดมไปด้วยปริมาณโปรตีนและวิตามินบี 2 สูง อีกทั้งยังมีแคลเซียมและจุลินทรีย์ที่ดีต่อระบบลำไส้อย่างแล็กโทบาซิลลัส บัลแกริคัส และสเตรปโทค็อกคัส เทอร์โมฟิลัสอีกด้วย
ในส่วนของรสชาตินั้นมีความเปรี้ยว ไม่มีรสหวาน เป็นโยเกิร์ตชนิดคงตัว เมื่อเปิดฝาแล้วอาจเห็นว่ามีหางนมลอยอยู่บนตัวโยเกิร์ต ดังนั้น ให้ใช้ช้อนคนจนเข้าก่อนรับประทาน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตัวโยเกิร์ตมีรสเปรี้ยวกว่าสูตรผสมน้ำตาล อาจทำให้คนที่เพิ่งเริ่มรับประทานโยเกิร์ตรู้สึกว่าทานยากไปสักเล็กน้อย แนะนำให้เติมน้ำตาล น้ำผึ้ง หรือผลไม้เพื่อเพิ่มรสชาติค่ะ
คนไหนที่เบื่อการรับประทานโยเกิร์ตรูปแบบเดิม ๆ ที่ต้องใช้ช้อนตัก ลองหันมาดื่มโยเกิร์ตชนิดพร้อมดื่มกันดูบ้างดีกว่าค่ะ ซึ่งโยเกิร์ตตัวนี้จากเมจิบัลแกเรีย มาในรูปแบบขวดที่เพียงแค่เปิดฝา คุณก็สามารถอิ่มอร่อยได้ง่าย ๆ และแม้ว่าจะเป็นโยเกิร์ตแบบน้ำ แต่ก็ยังคงคุณค่าทางสารอาหารไว้ได้เหมือนโยเกิร์ตทั่วไป โดยสูตรยังให้โปรตีนสูงกว่านมเปรี้ยวโยเกิร์ตทั่วไป 1.5 เท่า
ไม่เพียงเท่านั้น ทางแบรนด์ยังได้คัดสรรเอาจุลินทรีย์สายพันธุ์ LB81 จากบัลแกเรียที่ดีต่อระบบลำไส้และระบบขับถ่ายมาใช้ในการผลิต มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว กลมกล่อม ดื่มง่าย ทั้งยังมีสัมผัสเนื้อเบอร์รี่แท้ภายในขวดอีกด้วย ในหนึ่งขวดให้พลังงาน 110 กิโลแคลอรี แต่สำหรับใครที่มีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง อาจจะต้องเลี่ยงไปดื่มสูตรอื่น เพราะโยเกิร์ตตัวนี้มีน้ำตาลสูงถึง 14 กรัมเลยทีเดียวค่ะ
ในปัจจุบันที่หลายคนหันมาให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพมากขึ้น การเลือกอาหารที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีในการผลิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เราจึงขอแนะนำโยเกิร์ตบลูเบอร์รี่จากแดรี่โฮมสูตรนี้ ที่ทางแบรนด์ได้คัดสรรนมโคออร์แกนิก นำมาผ่านกระบวนการผลิตโดยการใช้เชื้อจุลินทรีย์แล็กโทบาซิลลัส บัลแกริคัสและสเตรปโทค็อกคัส เทอร์โมฟิลัส ทำให้โยเกิร์ตตัวนี้ดีต่อลำไส้ไม่แพ้ตัวอื่น ๆ
อีกทั้งยังมีโปรตีน, วิตามินเอ วิตามินบี 1 และบี 2 รวมถึงแคลเซียมอีกด้วย ในส่วนของรสชาตินั้น ให้รสสัมผัสของบลูเบอร์รี่ที่หวานอมเปรี้ยวถูกใจใครหลายคน โดยมาในบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดเล็ก เพียงพอต่อการรับประทานในแต่ละครั้ง แต่ทั้งนี้ เมื่อเปิดแล้วควรรับประทานให้หมด และจากความเห็นของผู้ได้ลองซื้อจริงกล่าวว่ายี่ห้อนี้ไม่ควรซื้อมาทิ้งไว้นาน เพราะอาจบูดเสียก่อนวันหมดอายุได้ค่ะ
มาต่อกันที่โยเกิร์ตคุณภาพดีจาก Farmers Union ที่ได้คิดค้นสูตรไลท์ หรือสูตรไขมันต่ำขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ต้องการดูแลสุขภาพและกำลังควบคุมน้ำหนัก โดยสูตรนี้มาในบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ มีให้รับประทานมากถึง 1 กก. สามารถแบ่งรับประทานได้หลายครั้ง โดยให้พลังงานเพียง 130 กิโลแคลอรีต่อ 150 กรัม และด้วยความที่เป็นสูตรไลท์ ทำให้คุณได้รับปริมาณไขมันที่ต่ำเพียง 5 กรัมเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ยังปราศจากคอเลสเตอรอล เพราะทางแบรนด์ได้ใช้นมและเนื้อนมที่ไม่มีส่วนผสมของมันเนยในการผลิต หลายคนชื่นชอบในรสชาติที่เปรี้ยว และได้กลิ่นของนมโคชัดเจน และที่สำคัญคือ มีคุณประโยชน์จากสารอาหารต่าง ๆ โดยเฉพาะโปรตีน แคลเซียม วิตามินเอ รวมถึงวิตามินบี 2 สูงมากถึง 30% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำต่อวันเลยค่ะ
สำหรับใครที่กังวลว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมโค จะทำให้เกิดไขมันส่วนเกินสะสม เราขอแนะนำให้คุณลองโยเกิร์ตจาก Caroline ตัวนี้ ที่ทางผู้ผลิตคำนึงถึงสุขภาพ จึงได้เลือกใช้นมโคและนมผงขาดมันเนยในการผลิต ช่วยให้โยเกิร์ตสูตรนี้เป็นสูตรปราศจากไขมัน อีกทั้งยังไม่ผ่านการเติมความหวานด้วยน้ำตาลหรือสารเติมแต่ง คุณจึงจะได้รสชาติของโยเกิร์ตแท้ ๆ ที่มีความเปรี้ยวและกลมกล่อม
ในส่วนของคุณค่าทางสารอาหารก็มีมากมาก โดยเฉพาะมีแคลเซียมและโปรตีนสูง ที่สำคัญคือ ผลิตโดยใช้เชื้อจุลินทรีย์แลคโตบาซิลัส บัลการิคัสและสเตรปโตค็อกคัส เทอร์โมฟิลัสที่ดีต่อระบบลำไส้ คนส่วนใหญ่ชื่นชอบเพราะไม่มีรสหวาน แต่สำหรับมือใหม่อาจจะรับประทานยากไปสักหน่อย เพราะมีความเปรี้ยวฝาด แนะนำให้เติมน้ำผึ้งหรือผลไม้อื่น ๆ เพื่อเพิ่มรสและสัมผัสที่ดียิ่งขึ้นค่ะ
เมื่อพูดถึงโยเกิร์ตจากนมโคแท้คุณภาพดี อีกยี่ห้อที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น ไทย-เดนมาร์กอย่างแน่นอน ซึ่งยี่ห้อนี้ถือเป็นยี่ห้อที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน โดยมีผลิตภัณฑ์จากนมวัวให้เลือกชิมหลากหลาย ซึ่งในวันนี้เราขอแนะนำโยเกิร์ตผสมแยมสตรอว์เบอร์รี่ ที่มีรสชาติหวานเปรี้ยวกลมกล่อม เป็นชนิดเนื้อกวนที่ไม่ข้นหรือเหลวจนเกินไป สามารถรับประทานได้ง่าย
ทั้งยังอุดมไปด้วยจุลินทรีย์สเตรปโทค็อกคัส เทอร์โมฟิลัส, แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส และบิฟิโดแบคทีเรียมที่ดีต่อลำไส้ โดยให้พลังงานเพียง 120 กิโลแคลอรีเท่านั้น หลายคนชอบเพราะมีเนื้อสตรอว์เบอร์รี่มาให้เคี้ยวพร้อมโยเกิร์ต อย่างไรก็ตาม สูตรนี้มีส่วนผสมของน้ำตาล 7.1% คนที่กำลังควบคุมน้ำหนักหรือต้องการลดปริมาณน้ำตาลอาจจะต้องเลี่ยงไปรับประทานตัวอื่นค่ะ
โยเกิร์ตถั่วเหลือง ทางเลือกใหม่สำหรับคนที่แพ้นมวัวหรือรับประทานวีแกน มีจุดเด่นอยู่ที่ให้ปริมาณใยอาหารและปริมาณโปรตีนที่ค่อนข้างสูง ทั้งยังปราศจากคอเลสเตอรอล ไม่เพียงเท่านั้น ยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 8 ชนิด โดยทางแบรนด์ยังได้เลือกใช้ถั่วเหลืองคุณภาพ นำมาผ่านกระบวนการผลิตด้วยจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพของลำไส้ 4 ชนิด
ด้วยเหตุนี้ โยเกิร์ตถั่วเหลืองถ้วยนี้จึงมีคุณค่าทางสารอาหารดีไม่แพ้โยเกิร์ตที่ทำจากนมโค อีกทั้งยังให้พลังงานต่ำเพียง 80 กิโลแคลอรี ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่แพ้แลคโตส ตัวโยเกิร์ตมีรสหวานอยู่แล้วเล็กน้อย แนะนำให้รับประทานคู่กับซีเรียลหรือกราโนลาเพื่อเพิ่มรสสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำสำหรับคนที่แพ้เลซิทิน เนื่องจากมีส่วนผสมของถั่วเหลือง 100% เลยค่ะ
ชาววีแกนหรือมังสวิรัตไม่ต้องน้อยใจไปค่ะ เพราะในปัจจุบันได้มีแบรนด์ที่ผลิตโยเกิร์ตที่เป็น Plant-Based ออกมาตอบสนองความต้องการคนในกลุ่มนี้แล้ว โดยโยเกิร์ตตัวนี้เป็นโยเกิร์ตที่ทำจากถั่วอัลมอนด์ออร์แกนิก ไม่ใช้สารพิษในการเพาะปลูก ปราศจากส่วนผสมของนมโคและถั่วเหลือง คนที่มีอาการแพ้อาหาร เช่น แลคโตสหรือเลซิทิน จึงสามารถรับประทานได้
แม้ว่าจะเป็นโยเกิร์ตที่ทำจากพืช และก็ยังคงมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อระบบลำไส้อย่างโพรไบโอติกอยู่ด้วย อีกทั้งยังมีรสอร่อยคล้ายคลึงกับโยเกิร์ตที่ทำจากนมโค เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการดูแลสุขภาพหรือดูแลรูปร่างเป็นพิเศษ และคนไหนที่คิดว่ารสออริจินัลนั้นดูธรรมดาไป ทางแบรนด์ก็ยังีมรสสตรอว์เบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ให้ได้ลองกันอีกด้วย จากเสียงรีวิวกล่าวว่ามีรสชาติหวานน้อย รับประทานง่ายมากค่ะ
อันดับที่ 1: meiji|โยเกิร์ต เมจิบัลแกเรีย ชนิดคงตัว สูตรไขมัน 0%
อันดับที่ 2: DUTCHIE|โยเกิร์ต DUTCHIE กรีกสไตล์ สูตรผสมเวรี่เบอร์รี่
อันดับที่ 3: Yolida|โยเกิร์ต โยลิดา รสธรรมชาติ
อันดับที่ 4: meiji|โยเกิร์ต เมจิบัลแกเรีย ชนิดพร้อมดื่ม รสไวลด์เบอร์รี่
อันดับที่ 5: แดรี่โฮม|โยเกิร์ต แดรี่โฮม ผสมบลูเบอร์รี
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
เครื่องดื่ม
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ