10 ผงฟู ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ทำเค้กและขนม นุ่มฟู

ผงฟูตราเบสท์ฟู้ดส์ คือหนึ่งในผงฟูยอดนิยมตลอดกาลเลยก็ว่าได้ สำหรับผงฟูสูตรนี้ประกอบด้วยกรด 3 ชนิด ซึ่งจะปล่อยแก๊สหรือฟองอากาศออกมาในปริมาณน้อยในขณะที่ผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ ทำให้เนื้อขนมไม่สูญเสียแก๊สมากไปแม้ว่าจะพักส่วนผสมไว้เป็นเวลานานก็ตาม รวมทั้งเมื่อนำเข้าอบ ผงฟูก็จะเริ่มทำปฏิกิริยากระจายตัวสร้างฟองอากาศในเนื้อขนมเพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับการทำเค้ก แพนเค้ก คุกกี้ และเบเกอรี่ที่ต้องการให้เนื้อขนมนุ่มฟูเป็นอย่างมาก

มาที่ผงฟูแม็กกาแรต ซึ่งใช้วัตถุดิบเกรดนำเข้าอย่างดี พร้อมกับบรรจุมาในซองซิปล็อกกันบ้าง สำหรับผงฟูนี้ประกอบด้วยกรด 2 ชนิด เพื่อทำปฏิกิริยา 2 รอบ คือขณะผสมส่วนผสมที่อุณหภูมิห้อง และเมื่อเจอความร้อนในกระทะหรือเตาอบ เหมาะสำหรับทำเค้ก แพนเค้ก วาฟเฟิล มัฟฟิน และขนมปังบางประเภท อย่างไรก็ตาม มีคำแนะนำว่าถ้าส่วนผสมมีฤทธิ์เป็นกรด เช่น บัตเตอร์มิลค์, น้ำมะนาว, โยเกิร์ต, น้ำผึ้ง ให้เติมผงฟูเพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ

ผงฟูจากแบรนด์เก่าแก่ที่ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1850 อย่าง Clabber Girl ทั้งยังเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกากระป๋องนี้ ได้รับการรับรองโคเชอร์ประเภท Pareve มีความพิเศษอยู่ที่มีอายุการเก็บรักษามากกว่า 12 เดือน ประกอบด้วยกรด 2 ชนิด ปราศจากกลูเตนและไขมันทรานส์ ช่วยเพิ่มความนุ่มฟูให้กับขนมได้ดี เหมาะสำหรับการทำขนมปัง, เค้ก, แพนเค้ก, วาฟเฟิล, มัฟฟิน รวมถึงขนมที่มีส่วนผสมของบัตเตอร์มิลค์, น้ำมะนาว, โยเกิร์ตหรือน้ำผึ้ง

ผงฟูบรรจุภัณฑ์สีเหลืองตราเบสท์ โอเดอร์ ห่อนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ประกอบการหรือร้านเบเกอรี่มากคะ เพราะเป็นผงฟูฮาลาล ซึงผ่านกรรมวิธีที่สะอาดปลอดภัย และไม่ทำให้เสียรสชาติในผลิตภัณฑ์ มีอายุการเก็บรักษานาน 12 เดือน มีส่วนประกอบเป็นกรด 2 ชนิด ช่วยทำปฏิกิริยาให้เกิดฟองอากาศได้ 2 ครั้ง เหมาะสำหรับขนมที่ต้องการความนุ่ม โดยมีคำแนะนำว่าควรใช้ผงฟู 20 g หรือ 6 ช้อนชาต่อแป้ง 1 kg นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปล้างผัก หรือใช้หมักเนื้อสัตว์ให้นุ่มได้อีกด้วย

ถ้าจะพูดถึงผงฟูคุณภาพสะอาดปลอดภัย ผงฟูจากอิมพีเรียลก็คือหนึ่งในนั้นค่ะ เพราะเป็นผงฟูที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ใช้กรดถึง 3 ชนิด ทำให้สามารถพักส่วนผสมได้นานกว่า 15 นาที เหมาะสำหรับการทำเค้ก, คุกกี้, ขนมปุยฝ้าย, ซาลาเปา, โดนัท หรือเบเกอรี่ประเภทอื่นที่ต้องการให้เนื้อแป้งมีความฟู นอกจากนี้ ยังมีอัตราส่วนปริมาณการใช้ผงฟูคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อน้ำหนักแป้ง แถมมาให้ในฉลากเพื่อช่วยให้คุณทำขนมได้ง่ายยิ่งขึ้นนั่นเอง

ผงฟูของ Bob's Red Mill ซึ่งเป็นแบรนด์นำเข้า ผลิตขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาห่อนี้ มีกรดเป็นส่วนผสมช่วยทำปฏิกิริยามากถึง 3 ชนิด ทำให้เกิดการขยายตัวของฟองอากาศได้ดี มีความปลอดภัยต่อสุขภาพเพราะปราศจากกลูเตนและอะลูมิเนียม ที่สำคัญคือผ่านขั้นตอนการผลิตทีมีประสิทธิภาพ สัดส่วนปริมาณสารประกอบต่าง ๆ มีความลงตัว จึงไม่ทำให้เกิดรสขมในลำคอ เหมาะสำหรับการำขนมปังหลายประเภท รวมถึงบิสกิต เค้ก แพนเค้ก วาฟเฟิล และคุกกี้อย่างยิ่ง

ถ้าใครต้องการทำขนมแบบที่ไมต้องพักแป้ง หรือสูตรขนมต้องอบทันทีหลังจากผสมเสร็จ ขอแนะนำผงฟูขั้นตอนเดียวจากผู้ผลิตในประเทศไทยอย่างเบสท์ โอเดอร์ ซองนี้เลยค่ะ เพราะถึงแม้จะมีกรด 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน แต่ทั้ง 2 ชนิดนี้ก็จะทำปฏิกิริยาสร้างฟองอากาศกระจายทั่วส่วนผสมอย่างรวดเร็วทันทีที่สัมผัสกับน้ำหรือของเหลว เหมาะสำหรับขนมปังที่ไม่ต้องการความฟูมาก ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ใช้กับส่วนผสมที่เป็นกรดเช่นบัตเตอร์มิลค์, น้ำมะนาว, โยเกิร์ตหรือน้ำผึ้งค่ะ

มาต่อกันด้วยผงฟูแบรนด์ไทยราคาย่อมเยาที่สร้างความประทับใจให้ชาวเบเกอรี่มาแล้วมากมาย ซึ่งนอกจากจะให้เนื้อขนมมีความฟูนุ่ม รสชาติดีไม่มีรสขมแล้ว ลักษณะของผงฟูยังเป็นผงสีขาวที่มีความเนียนละเอียด ผ่านกระบวนการผสมกับกรดอีก 3 ชนิดมาเป็นอย่างดี จึงไม่จับตัวเป็นก้อน เหมาะสำหรับการทำเค้ก คุกกี้ หรือปุยฝ้าย โดยมีปริมาณการใช้งานที่แนะนำคือ 2 - 5 % ของน้ำหนักแป้งทั้งหมดหรือส่วนผสมทั้งหมดตามสูตรค่ะ

ต้องบอกเลยว่าผงฟูตราอินเดียนแดงนี้มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน เหมาะทั้งการทำเบเกอรี่อย่างเค้ก โดนัทเค้ก พุดดิ้ง และการทำขนมไทย เช่น ขนมไข่ ขนมสาลี่ ขนมปุยฝ้าย หรือขนมตาล อีกทั้งยังมีราคาย่อมเยา แต่กลับมีวางจำหน่ายในตลาดค่อนข้างน้อย จึงทำให้เป็นที่ต้องการของนักอบขนมอย่างมาก มีจุดเด่นคือนอกจากจะช่วยให้ขนมฟูนุ่มแล้ว ยังช่วยให้ขนมคงรูปสวยงามอีกด้วย ในส่วนของปริมาณการใช้ที่แนะนำคือ 1 % ของน้ำหนักแป้งหรือส่วนผสมรวมทั้งหมดค่ะ

ผงฟูจากบางกอกฟลาวมิลล์นี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมาตรฐาน GMP กระบวนการผลิตมีความสะอาดปลอดภัย และได้รับการรับรองเครื่องหมายฮาลาล มีส่วนประกอบของกรด 2 ชนิด โดยผสมรวมกับแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งมีข้อดีคือช่วยให้ขนมมีความเหนียวนุ่มมากขึ้น ทั้งยังช่วยคงรูปทรงของขนมได้ดี เหมาะสำหรับการทำเค้ก, ขนมปุยฝ้าย, ซาลาเปา, ปาท่องโก๋ หรือคุกกี้ โดยแนะนำให้ใช้ในปริมาณ  2 - 5 % ของน้ำหนักแป้งหรือส่วนผสมทั้งหมด